เทคนิค วิธีทำ แกงมัสมั่นไก่ แบบง่ายที่สุดในโลก อร่อยแน่นอน ไม่เชื่อเข้ามาดูคร้าบ

วิฺธีทำ แกงมัสมั่นไก่ง่าย กว่าที่คิด มัสมั่นไก่ คุณก็ทำได้ เคล็บลับ อร่อยเด็ด




"มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา" มัสมั่นแกงตามตำนานของไทย ต่อยอดมาจาก แกงแขก หรือ แกงอิสลาม เค้าว่ากันว่า มาจากทางตอนใต้ ของอินเดีย ประมาณ ปากีสถาน บ้างก็ว่า มาจาก มาเลย์ เปอร์เซีย แต่ที่รู้ๆ เข้ามามีอิทธิพลในอาหารไทย นานมากๆ แล้ว อย่างน้อยก็กรุงศรีอยุธยา เป็นอย่างต่ำ

ไม่กีปีนี้ ต่างชาติยกย่องให้เป็น อาหารอันดับ 1 ของโลก ได้รับการยกย่องจากเครือข่ายโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นให้เป็นอาหารสุดอร่อย (Most delicious) อันดับ 1 ของโลก ในปี 2554 ให้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ของแท้แน่นอน ถามฝรั่งหลายๆคน บอกชอบแกงนี้เพราะมันมีความจัดจ้านของเครื่องเทศ อย่างลงตัว แต่ไม่แรงเหมือน แกงแขก เปอร์เซียร์ อินเดีย แต่หวาน เค็ม กลมกล่อม ลงตัว อาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบของฝรั่งต่างชาติ เพราะเป็นลูกผสม จีน+อินเดีย ไม่แรงเข้มข้นเกินเหมือนต้นตำรับแขก และ ไม่อ่อนจืดชืด เหมือนพี่ จีน นี่แหละ เสน่ห์ อินโดไชน่า ของแท้ล่ะ

การจะทำแกงมัสมั่น พอได้ยินชื่อ หลายคนก็จะส่ายหน้า ว่ามันทำยาก แม้แต่ ร้านข้าวแกงเอง ก็ตามเถอะ เคยถามหลายๆร้านดู ก็จะไม่ต่างกัน ทำไงดี อยากทำๆ จะทำอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกอวดเพื่อน อวดแฟนได้บ้าง มาวันนี้ ไม่ผิดหวัง ตามสไตล์เรา ทำเรื่องยาก ให้เป็นเรื่องง่าย  ไม่เหมือนใครบางคน ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก (มองดูใกล้ตัว สิ เยอะไป อิๆ)









รูปบน : เครื่องเทศมััสมั่่น ลูกจันทน์ ลูกระวาน ใบกระวาน อบเชย กานพลู

เครื่องปรุง

1. น่องไก่ 5-6 น่อง
2. กะทิ 1 กล่องเล็ก (250ซีซี)
3.พริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต้ะ
4. มันเทศ 2-3 หัว
5.หอมหัวใหญ่ 1-2 หัว แบ่ง หั่นตามชอบ
ุ6.ถั่วลิสง คั่ว 3-4 ช้อนโต้ะ
7.มะขามเปียก  1-2 ช้อนโต้ะ
8.น้ำตาลมะพร้าว 2-3 ช้อนต้ะ
9.เกลือ 1-2 ช้อนชา
10.น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต้ะ







รูปบน : หอมใหญ่ มันเทศ กระทิกล่อง


รูปบน :ถั่วลิสง เม็ดยีหร่า ลูกผักชี เครื่องเทศรวมลงในกระทะเตรียมคั่ว


วิธีทำ เครื่องแกงมัสหมั่นอย่างง่าย

1 พริกแกงแดง  2-3 ช้อนโตะ
2.ใบกระวาน 3-4 ใบ
3.ลูกกระวาน 2-3  เม็ด
5.ลูกจันทน์  1-2 เม็ด
6.กานพลู 3-4 ลูก
5.อบเชย 1 แท่ง
6.กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
6.น้ำมันพืช
7.(อาจจะเพิ่ม ลูกผักชี กะ เม็ดยี่หร่า อย่างละ 1 ช้อนชา)










1.ทำเครื่องแกง  เอาเครื่องเทศทั้งชุด (ใบกระวาน ลูกกระวาน  ลูกจันทน์ กานพลู อบเชย ลูกผักชี และ ลูกยี่หร่า)  คั่วไฟอ่อน   ให้หอม 2-3 นาที  (ลูกจันทน์ ทุบบุบพอแตก และ ใบกระวาน ใส่ทีหลังในแกง)
แล้วไปตำ ให้ละเอียด แล้ว เอาเครื่อง แกงเผ็ดผสม+กะปิ  ตำ ลงไปด้วย








2 เสร็จแล้ว ตั้งกระทะ ใส่นำมันพืช  พริกแกงลง คั่วไฟอ่อน ค่อยๆเติม หัวกระทิ ทีละน้อย(ใช้ประมาน ครึ่งกล่อง) พอหอมดี และเริ่มจะแตกมัน แล้ว เติมน้ำเปล่า อีก 1 ถ้วยตวง เติมกะทิที่เหลือ  เร่งไฟแรง เดือดแล้วใส่ไก่ มันเทศ หัวหอม และ ถั่วลิสงคั่ว สัก 5 นาที ลดไฟอ่อน ปรุงรส ด้วย มะขามเปียก น้ำตาลมะพร้าว เกลือ ให้หวานนำ เค็มตาม ตัดเปรี้ยวเล็กน้อย โรยหน้าด้วย ใบกระวานที่เหลือ ลูกจันทน์ทุบ อีกที (ต้มไฟอ่อนไปซัก 15-20 นาทีก็ได้ ให้เข้าเนื้อและไก่จะนุ่มขึ้นอีก)

เสร็จแระ ง่ายจัง...



ข้อสังเกตุเพิ่มเติม

-เอาแบบง่ายเลยๆเลย ตัวหลักพระเอกของเรื่อง (เครื่องแกงแดง+เครื่องเทศแบบซอง) ก็ใช้ได้แระ เอาอยู่แน่ เพราะในเครื่องแกงเผ็ด จะมี เม็ดผักชี กะ เม็ดยี่หร่า เป็นส่วนผสม ยุแระ แต่เพื่อความหอม เอาลูกผักชี  เม็ดยี่หร่า เพิ่มให้หอม คั่วแล้วตำเพิ่มได้ครับ   )
-เม็ดยีหร่า และ ลูกผักชี มีแบบซองนะครับ ซอง ค่อนข้างใหญ่ ดังรูป ซองละ 15 บาท ใช้ได้หลายครั้ง
-ปกติ เครื่องเทศแบบซอง จะมี ลูกจันทน์ ใบกระวาน ลูกกระวาน กานพลู อบเชย ถุงละ 5-10 บาท  แค่นี้ก็เอายุแระ (อาจจะขาดกานพลู) ผมเรียกเองว่า เครื่องยาแขก หรือ เครื่องตุ๋นเนื้อวัว  หาได้ไม่ยาก ในตลาดทั่วไป อันไหนขาดซื้อเพิ่มได้ เอาให้ชัวร์ ร้าน ยาจีน มีแต่แนอน อันไหนขาด ซื้อไว้ อย่างละขีด ขีดละ 40-50 บาท เก็บไว้ใส่ตุ้เย็น นานเป็นปี เลย ครับ ต่อจากนี้ไปได้ใช้แน่
-ลูกจันทน์ เป็นตัวหลัก ให้กลิ่น หอมและเย็น แบบเม็นทอล อันเป็นเอกลักษณ์หลัก ของ มัสมั่น คั่วแล้วทุบบุบ ดมดูครับ รวมถึง ลูกกระวาน ใบกระวาน อบเชย และ กานพลู ครับ รองๆลงมา
-น้ำมันพืช  ใช้คั่วให้เครื่องแกงหอม 2-3 ช้อนโต้ะ ถ้าอยากจะให้มันย่องกว่านี้ ก็เพิ่มเลยครับ
-กระทิแตกมัน แกงบางอย่าง ไม่ต้องการแตกมันของกะทิ คือ อาการ ที่น้ำมัน มะพร้าวแยกตัวจากกะทิ นะครับ ดูดีๆจะเห็นนำมันแยกออกมา เป็นดวงๆ ชัดเจน เหตุเพราะเค้ากลัวเลี่ยน และ อ้วน แต่มัสมั่น แตกมันได้ครับ อย่าได้กลัว อร่อยมาก่อน (อ้วน ตามมาทีหลัง อิๆ)
-เก็บไว้นานใส่ตู้เย็น มาอุ่นใหม่ ยิ่งนานยิ่งอร่อย คอลลาเจน เข้าเนื้อ เค้าว่างั้น
-กะทิ ถ้ากลัวอ้วน ใช้เป็นเต้านมเถั่วเหลือง อย่างเป็นกล่องกะได้ ครับ อร่อย คนละแบบ
-ระวัง  ลูกผักชี เม็ดยี่หร่า ใส่ให้ถึงเครื่อง แต่อย่ามากเกินไป พอกลัวจะไม่หอม ก็ใส่เยอะเกิน จะขื่น ขมเอา นะครับ ตามสัดส่วนที่แนะนำประมานนี้ มากน้อย เพิ่มลด ตามปริมาน ครับ
-การจะหาเครื่องแกง มัสมั่นสำเร็จรูปที่หอมอร่อยนั้นไม่มีจริงหรอกครับ อย่าได้เชื่อคำโฆษณาใดๆ เนื่องมาจาก สิ่งสำคํญมากที่สุดสิ่งหนึ่งของแกงมัสมั่นคือกลิ่นที่หอมหวนยวนใจ เครื่องแกงสำเร็จรูป กลิ่นจะไม่ได้อย่างแน่นอน (กาลเวลาทำลายกลิ่น) ต้องทำสดใหม่เท่านั้นถึงจะหอมยั่วยวน ถ้าไม่ตำเครื่องแกงทั้งหมดเอง ก็แนะนำ ให้ใช้สูตรนีแระ เด็ดๆ ไม่ผิดหวัง



วิธีทำ น้ำพริกกุ้งเสียบภูเก็ต เคล็ดลับอร่อยเด็ด ของดังเมืองภูเก็ต อร่อยเด็ดแน่นอน ง่ายๆ

สูตรเด็ด วิธีทำ น้ำพริกกุ้งเสียบภูเก็ต  น้ำพริกในตำนาน ของภูเก็ต ง่ายมากๆ ขอบอก 
วิธีทำ น้ำพริกกุ้งเสียบ ภูเก็ต
กุ้งเสียบ ทำเองได้ สดอร่อย
น้ำพริกกุ้งเสียบ
น้ำพริกกุ้งเสียบ เป็นน้ำพริกคู่บารมี ของชาวภูเก็ต ที่ชาวภูเก็ต ภาคภูมิใจ น้ำพริกของภูเก็ต มีสองชนิดหลักๆ คือ น้ำพริกยอก(ตำ)  กับ น้ำพริกหยำ (ขยำ)  เจ้าแห่งน้ำพริกหยำ คือ น้ำพริกกุ้งสด(น้ำพริกขยำ หรือ น้ำชุบหยำ) ที่เคยนำเสนอไป ส่วน น้ำพริกยอก(ตำ) นี่แหละ ครับ น้ำพริกกุ้งเสียบนี่แหละ เป็น King of น้ำพริก ของภูเก็ต เลยก็ว่า ใครที่ไปภูเก็ต แล้ว ไม่กิน ไม่ซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบ แล้วละก็ ต้องบอกว่า ไม่ใช่แระ ไม่ถึงภูเก็ตแน่ๆ (สงสัย จะไปแค่ สุราษฎร์ อิๆ)

 วันนี้จะมาบอกวิธีทำน้ำพริกกุ้งเสียบ ง่าย แต่อร่อย แน่ๆไม่ยากอย่างที่คุณคิด ทำแล้ว แล้วคนรอบข้างจะประหลาดใจ เชื่อเรา ต้ะ

 น้ำกุ้งเสียบ มีหลายสูตร แต่ สูตรนี้เป็นสูตรประจำตระกูล ครับที่ เราได้ร่วมทำ และ สืบทอด อร่อยจริง รับประกัน

กุ้งเสียบ โฮมเมด

 เครื่องปรุง วัตุดิบ
 1.กุ้งเสียบ 100 กรัม
 2.พริกขี้หนู 10-15 เม็ด
 3.หอมแดงไทย 5-6 หัว
4.กระเทียมไทย 10 -15 กลีบ
5.กะปิดี 1 ช้อนโต้ะ
6.น้ำตาลมะพร้าว 1-1/2 ช้อนโต้ะ
7.มะนาว 1 ลูก ใหญ่

วิธีทำ น้ำพริกกุ้งเสียบ เครื่องพร้อม


วิธีทำ
 1.กะปิ หอม กระเทียม พริก ใช้ไฟอ่อน คั่วในกระทะ 5-6 นาที ให้หอม แต่อย่าให้ไหม้มาก พักไว้
 2.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช 3-4 ช้อนโต้ะเอากุ้งเสียบไปทอดไฟกลางๆ สัก 4-5 นาที(ให้มีกลิ่นหอม เกือบๆจะไหม้)
 3.พริก หอม กระเทียม ตำให้ละเอียด ใส่กระปิ น้ำตาล ตำไปอีก แล้ว ค่อย ใส่ กุ้งเสียบที่ทอดแล้ว ตำ ค่อยๆ อย่าแรง เหมือนแค่จะบุบ ให้ทั่วๆ ปรับรส ให้หวานนำ เค็มตาม อย่าให้เค็มนำ แล้วจึง ใส่ มะนาว หลังสุด ชิมตามใจชอบ ให้เปรี้ยว แซงได้ แต่หวานต้องตามมาติดๆ อย่าให้ห่าง หรือที่เรียกว่าเปรียวอมหวาน

 เสร็จแระ ง่ายจริงๆ ไช่ไหมล่ะ

โปรดอ่านต่อวิธีทำกุ้งเสียบ   http://aroided.blogspot.com/2016/02/blog-post_24.html
  ข้อสังเกตุ 

1.บางสูตรจะไม่ทอดกุ้งเสียบก่อนนะครับจะตำกุ้งเลยแต่ว่าสูตรประจำตระกูลจะเอาไปทอดก่อนครับเราว่ามันจะหอมขึ้นกว่าเยอะ ครับ
2.บางสูตร กะปิ พริก หอมแดง กระเทียม จะไม่คั่วก่อนจะตำเลยเช่นกัน แต่ว่าสูตรนี้คั่วก่อนจะหอมกว่าหวานขึ้นกว่า จากหอมและกระเทียมที่สุก จะหวานขึ้น ครับ
3.รสดั้งเดิมจะเปรี้ยวนำหวานตาม เค็มสุดท้าย แต่บางคนชอบหวานนำ ก็ไม่ผิดอะไรโดยเฉพาะหลังๆนี้ถ้าทำขายนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ทำขายจะชอบหวานนำครับ
 4.บางสูตรจะไม่ใส่หอมแดงนะครับ แต่เราว่า ใส่หอมแดง รสหวาน กลมกล่อมขึ้นนะครับ 
5.กุ้งเสียบ หาซื้อได้ทั่วไป ตามตลาด แถว ภูเก็ต พังงา กระบี่ ถ้าไม่มีกุ้งเสียบ ใช้กุ้งแห้ง ตัวใหญ่แทนได้ พอไหว พอกล้อมแกล้มได้แต่กลิ่นรสจะแตกต่างบ้าง แต่ที่ทำตามรูป ทำเองครับ ไม่ยาก เดวบอกสูตรให้ หอมอร่อย กว่าแน่ๆ ต้องติดตามครับ
 6.ถ้าจะตำไว้เยอะๆ เก็บไว้นานๆ แนะนำ อย่าใส่มะนาวลงไปก่อน มะนาว ไว้บีบใส่ที่หลัง มากน้อยตามที่แบ่งไว้ จะไม่เสียเร็ว เก็บได้นาน
7.สูตรนี้ ต้องใช้น้ำตาลมะพร้าว เท่านั้น ไม่มีอย่าทำ ถ้าใช้น้ำตาลทราย แล้วอย่าบอกว่าเราแนะนำนะ (อิๆ)


โปรดอ่านต่อวิธีทำกุ้งเสียบ   http://aroided.blogspot.com/2016/02/blog-post_21.html

วิธีทำ กุ้งเสียบภูเก็ต แบบโฮมเมด สดกว่า อร่อยกว่า ง่ายกว่า เร็วกว่า

 วิธีทำ เคล็ดลับ กุ้งเสียบ ภูเก็ต แบบ โฮมเมด หอม อร่อย สด สะอาด ง่าย และ เร็ว กว่า



วันนี้ นึกอยากจะกินน้ำพริกกุ้งเสียบ  นึกขึ้นมา ทำไงดี ไปดูตู้เย็น กะเศร้า แท้ มีกุ้งเสียบ ที่ซื้อเก็บไว้ประจำ มันเหลือนิดเดียว และ ก็จะสีซีดๆเชียว อย่ากระนั้นเลย เทอ(หมายถึงตัวเองแระ) ในฐานะ เขยภูเก็ต หาได้ยอมแพ้ไม่  เคยไปดูชาวบ้านเค้าทำก็หลายครั้ง จะยากอะไร เราก็ทำเองสิ  อร่อยกว่า อิๆ มาเลยครับ มาดูฉบับ กุ้งเสียบ แบบโฮมเมด ที่นี่ที่เดียว (ที่อื่นๆหนาว ปล่อยเราทำไป ให้มันบ้าไปคนเดียว อิๆ)


กุ้งเสียบ เป็นวิธีถนอมอาหาร อย่างนึง ของชาวภูเก็ต และ ใกล้เคียง เช่น พังงา กระบี่ ที่ทำกันมาเนิ่นนาน ใช้ทำเมนู สารพัด เช่น ทอด ยำ แกง ต้มยำ ตามใจได้เลย โดยเฉพาะ น้ำพริกกุ้งเสียบอันโด่งดัง แสนอร่อย เมนูโปรดอีกอย่างของเรา
กุ้งเสียบไม้ ไปตากแดด แล้วเอารมควันกาบมะพร้าว ทำให้กุ้งแห้งสนิท และะ หอมกลิ่นควันไฟ จากกาบมะพร้าว


ที่นี้ มาดูกัน ทำยังเราจะไงให้ใกล้เคียง สไตล์อินดี้ (อีกแระ) ตามคอนเซป ง่ายกว่า สะอาดกว่า สด อร่อยกว่า แน่ๆ มาดูกันเลย










เครื่องปรุงและวัตถุดิบ

1.กุ้งสด 500 กรัม
2.เกลือ  5 ช้อนโต้ะ
3.ไม้เสียบลูกชิ้น
4.ขุยมะพร้าว (เปลือก หรือ กาบมะพร้าว)

วิธีทำ
1.ล้างกุ้งให้สะอาด เหลือน้ำขลุกขลิก ใช้เกลือใส่ เคล้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ 20 นาที
2.เอาไว้เสียบเสียบจากด้านหลังทะลุหัวใจ (น่าน..) จัดทิศทางวางไปทางเดียวกัน
3.ใช้ขุยมะพร้าว อบหรือเผาไห้ไหม้ แล้วดับ ให้เหลือแต่ควัน
4.เอากุ้งวางบนเหนือ ขุยมะพร้าว อบไป 10 นาที อุณหภูมิ ประมาน 200 องศา C แล้ว พลิกกลับ อบไป 10 นาที  ต้องดูว่ากุ้งแห้งสนิทดี


เสร็จแระ

ออกมา หน้าตา และ กลิ่น ไม่ผิดเพี้ยน อิๆ



ข้อสังเกตุ

1.ใช้กุ้งขาว หรือ กุ้ง แชบ้วยก็ได้ ขนาดสัก 1- 2 นิ้ว  หรือ ใหญ่ กว่านี้ก็ได้ ตามใจ ตามงบเลย
2.ขุยมะพร้าว ใช้มะพร้าวน้ำหอม ก็ได้ ที่ยังไม่ปอกเปลือก หาซื้อตามตลาดทั่วไทย เอาเปลือกมาตากแดด ทิ้งไว้ สัก 1 แดด
3.ไม้ลูกชิ้น ต้องแช่น้ำ ก่อนนะครับ เพื่อไม่ให้ ไหม้ ตอนเอาไปอบ
4.จะนึ่ง หรือ ต้ม ก่อนก็ได้ ซัก  5-10 นาที จะทำให้อบเร็วขึ้น ผิวจะสวยกว่า ครับ  แต่ วิธีอบอย่างเดียว จะเก็บได้นานกว่าครับ
5.เสร็จแล้วจะใส่กระปุก หรือ ทับเปอร์แวร์ เก็บไว้ข้างนอก เป็นเดือนๆ เก็บในตู้เย็นได้ หลายเดือน ครับ
6.สูตรนี้ ได้ เอาไปทำ น้ำพริกกุ้งเสียบแล้ว อร่อยกว่า ครับ รับรอง เนื่องจาก ความสด ใหม่ เป็นต่อ ครับ





กุ้งเสียบ ที่ขายทั่วไป
เครื่องปรุงน้ำพริกกุ้งเสียบ
น้ำพริกกุ้งเสียบ
                                                                         วิธีทำน้ำพริกกุ้งเสียบ
                                                  http://aroided.blogspot.com/2016/02/blog-post_21.html

เทคนิค พิเศษ วิธีทำ ยำปลาดุกฟูแท้ๆ อร่อย กว่า ไวกว่า สไตล์อินดี้ เช่นเคย มาดูกัน

วิธีทำ ยำปลาดุกฟู (แท้) เคล็ดลับ สูตรเด็ด ง่าย ไว และ อร่อย จะทำกิน จะทำขาย ได้หมดครับ

ยำปลาดุกฟู เคยทำยำปลาดุกฟู ให้เพื่อนกิน แล้ว เพื่อนบอกว่า มันไม่เหมือนปลาดุกฟู(ที่เคยกินมาตลอด) นะ แต่อร่อยมาก(กว่า) แต่ก็ทำท่า แปลกๆ(เหมือนไม่มั่นใจ ว่าเราทำถูกสูตรหรือเปล่า คงเห็นเราเป็นพวกสร้างสรร แบบ off road  ตลอดๆ มั้ง)  ก็เลยบอกไปไอ้ที่เอ็งกินมานะ มันไม่ใช่ปลาดุกฟูแท้ๆ เค้าผสมแป้ง(เกร็ดขนมปัง)  กินซะจน เคย พอเจอของแท้ ทำหน้า งง อิๆ (เห็นของแท้ เป็นของทำเทียม ไปได้)ไม่แปลกหรอกครับ เพราะ ทีทำขาย ร้อยทั้งร้อยจะผสมเกร็ดขนมปัง เข้าไปด้วย เพื่อลดต้นทุนนะครับ  ก็อร่อยนะ อย่าไปว่าเค้าเลย แต่ถ้าจะทำเองบ้าง ต้องเอาให้เด็ดๆ เอาไว้อวดใครๆ เท่อย่าบอกใคร อร่อยจริง ไรจริง ขอบอก ต้องมาดูกัน ไม่ยากเลย ครับ รับรอง


ส่วนผสม เคื่องปรุง
1.ปลาดุกย่าง 2 ตัว ขนาด 3-4 ตัวโล
2.น้ำราด(น้ำจิ้ม)ปลาดุกฟู

ส่วนผสม
1.พริกขี้หนู 10 เม็ด
2.น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
3.มะนาว 2 ช้อนโต้ะ
4.น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต้ะ
5.มะม่วงน้ำดอกไม้ดิบ 1 ลูก ใช้แค่ บางส่วน
6.น้ำมันพืช 1 ขวด
7.คึ่นช่าย 2-3 ต้น
8.หัวหอมแดงไทย 7-8 หัว
9.ถั่วลิสง 1 -2 ช้อนโต้ะ



วิธีทำ



1.ปลาดุกย่าง จะย่างเอง หรือ ซื้อมากะได้ แกะ เนื้อออก ไม่เอาหนัง นะครับ

2.เอาปั่นดวยเครื่อง(3-5 นาที) ตอนปั่น ใส่น้ำพืชไปได้ 3-4 ช้อนโต้ะ  หรือ ตำให้ละเอียด เพื่อ เวลาทอดจะได้ฟู หรือฟู

3. น้ำมันปาล์มใช้ค่อนข้างเยอะ รอใช้ไฟแรง เอา ปลาดุก ที่ปั่น (ที่ตำ)แล้ว ลงเลย ทอดไป 3-4 นาที ถ้าตำ หรือปั่นดี ๆจะเกาะกันเป็นแพ เอาขึ้นเลย
4. ทำน้ำราด หรือ น้ำจิ้ม น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว มะนาว เท่าๆกัน คนให้เข้ากัน มะม่วงน้ำดอกไม้ซอย พริกซอย หอมแดงซอย คึ่นช่ายหั่น ผสมลงไป ชิมรสตามชอบ
5.  ราดน้ำจิ้มลงบนปลาดุกฟู  โรยด้วย ถั่วลิงสง คั่ว

เสร็จแระ ง่ายจริงไหมล่ะ


ข้อสังเกตุ

1.การปั่น และ ใช้ น้ำมันพืช ใส่ ตอนปั่น น่าจะเวอร์คสุด รับรองฟู กรอบ ปลาดุกฟูล้วน นอกจากจะฟูกรอบแล้ว ปลาดุกฟูของแท้ จะมีเนื้อสัมผัสหนึบๆ ส่วนที่ทำขาย จะฟูและกรอบ เป็นหลักครับ
2.มะม่วงน้ำดอกไม้ ต้องชิมด้วยครับ เปรี้ยวมาก ลดมะนาว
3.น้ำมันทอดต้องเยอะ ใช้ไฟแรงเร็ว ครับ
4.ปลาดุกย่างแกะแล้ว เหลือนิดเดียว ไม่แปลกหรอกครับ คนทำขายเค้าจะผสมเกล็ดขนมปัง ครึ่งต่อครึ่ง
 ถ้าทำขายก็ต้องลองดู ว่าจะผสมเกร็ดขนมปัง มากน้อยแค่ไหน ถึงจะอร่อย จะคุ้มทุนและ ลูกค้าติดใจ ลองดูครับ

วิธีทำน้ำพริก มะม่วงน้ำปลาหวาน มะม่วงกะปิน้ำปลาหวาน เคล็ดลับ น้ำพริก ยอดฮิต อันดับหนึ่ง เคล็ดลับ อร่อยแน่ ง่าย แต่อร่อย ทำกินได้ ทำขาย รวยแน่ๆ


วิธีทำ น้ำพริก  มะม่วงน้ำปลาหวาน  สูตรเด็ด มะม่วงกะปิหวาน หรือ กะปิหวาน โคตรเด็ดอร่อยและ ง่าย การันตี เหมือนเคย ทำกินได้ ทำขายก็รวย 



น้ำพริกมะม่วงน้ำปลาหวาน มะม่วงกะปิหวาน หรือ เคยหวาน แลัวแต่จะเรียก เป็นเมนูยอดนิยม ตลาดกาล ทุกเวลา และ สถานที่ เมนูนึง ของคนไทย โดย เฉพาะ สำหรับ ท่านสุภาพสตรี กินได้กินดี  ตลอดปี ตลอดวัน ( อิๆ มีแซว) ก็เดียวนี้ มะม่วง มันมี ทั้งปี แล้วนี่ ! (อ้ะ มีเถียง) ใช่เลย  ทั้งนอกฤดู ในฤดู สารพัด ชนิด เมืองไทย  มีทั้งเขียวเสวย,แรดมัน,มันเดือนเก้า, ฟ้าลั่น, น้ำดอกไม้สุก, น้ำดอกไม้เปรี้ยว, มหาชนก, มะม่วงแก้ว(ไทยเดิม)  แถมมี แก้วขมิ้น แก้วเขมร มาแซมอีก น่าสน  (เปรี้ยว ปากจริง พิมพ์ไปนำลายสอ) ส่วนตัวแล้ว ชอบ เพชรบ้านลาด หวานเปรี้ยว พอดีมาก แต่บางที หากินยาก ผ่านเพชรบุรี จังหวะดีๆ ถึงได้ซิม ลองเลย แล้วจะติดใจ

มีหลายสูตร หลายวิธี แต่วันนี้ มาแนะนำ วิธีง่าย แต่แตกต่าง และ อร่อยชัวร์ ทดลองมาหลายสูตร อันนีเด็ดสุด ครับ ทำกินก็ได้ ทำขายก็รวย ( รวยแระ อย่า ลืมกันนะ  อิๆ )
อร่อยกว่าแน่ หลายๆ คนบอก แค่ต้มกะปิ นำตาล ใส่พริก ก็ได้แระ ยากอะไร แต่บางคนก็ว่า เหมือนมันขาดอะไรไม่โดน มาดูกันเลย ถึงจะเป็นเมนู ง่ายๆ แต่ถ้าทำให้อร่อย โดนใจ ใครๆก็ทึ่ง  ต้องสูตรนี้เลย รับรอง

เครื่องปรุง และ วัตถุดิบ

1.น้ำตาลมะพร้าว 10 ช้อนโต้ะ (หรือ ใช้ผสมน้ำตาลทราย ครึ่งนึง)
2.น้ำพริกเผา 2-3 ช้อนโต้ะ
3.กะปิดี (กะปิแกง) 2 ช้อนโต้ะ
4.น้ำปลาดี  2 ช้อนโต้ะ
5.หอมแดงไทย 50 กรัม ชอยบางๆ
6.หอมแขก(หอมจีน) 100 กรัม ชอยบางๆ
7.พริกขี้หนู 50 กรัม (ซอยเล็ก บางส่วนใส่เป็นลูกโดดทั้งเม็ด)
8.พริกป่น  1-2 ช้อนโต้ะ
9.กุ้งแห้ง  60 กรัม



วิธีทำ
1. เอากะปิ และ กู้ง ไปคั่วในกระทะก่อน ให้หอมไม่มี กลิ่นคาว สัก 2-3 นาที
2. แบ่งกุ้งแห้ง ครึ่งนึง เอาไปต้ม หรือ อย่างน้อยแช่น้ำ แล้วไปปั่น หรือ ตำ ให้ฟู พักไว้
3. เอากะปิ และ น้ำตาลปี้บ(เพื่อให้เกิดปฎิกิริยาเคมีเข้ากันดีดว่า ควรเอานวดเข้ากัน เป็นส่วนตัวก่อน  พักไว้)
4.  น้ำเปล่า ซักเล็กน้อย ครึ่งถ้วยตวง ใส่กะปิและน้ำตาล ไฟอ่อน ลงไป ต้ม ให้ละลาย แล้วค่อย ใส่พริกป่น น้ำพริกเผา น้ำปลา  กุ้งแห้งป่น คนเข้ากัน ใช้ไฟกลาง ต้มต่อไปซัก 3-4 นาที แล้ว ค่อยเติม พริกซอย หอมซอย  กุ้งแห้งเป็นตัว คนอีกที ต้มต่อ สัก 2-3 นาที เสร็จ

4. ตักเสริฟ โรยหน้าด้วย กุ้งแห้ง หอมแดง พริกสด หั่น และ พริกเม็ดลูกโดดด้วยก็ได้ อีกที

อร่อยเด็ด เข็ดฟัน ชัวร์ ...

ข้อสังเกตุ

1.การคั่วกะปิ และ กุ้งแห้ง เพื่อกำจัดกลิ่นคาว และให้หอมขึ้น
2.พริกแห้งคั่ว ต้องใช้พริกเผ็ดๆ เสริมรสได้ดีมาก ตามแต่จะสรรหาได้ และ ชอบ เช่น
พริกกะเหรี่ยง พริกหัวเรือ หรือ พริกยอดสน หรือ พริกลาว(เม็ดป้อมๆเหหลืองๆส้มๆเผ็ดๆ) เด็ดสุด ใส่มากน้อย กว่านี้ ได้เลย
3 สูตรนี้ ถ้าจะให้ดี ให้โดน  ไม่ใช้น้ำตาลทรายนะครับ  น้ำตาลมะพร้าว หวานนุ่มกว่า
4 น้ำปลา มากน้อย อยู่ทีกะปิ นะครับ ว่า เค็มมากไหม
5 หอมแดง ไทยจีน ให้คนละฟิลนะครับ  หอมแขก หรือ หอมจีน ให้เนื้อสัมผัส และ หวานของไทย ให้กลิ่นและรส แรงเข้มข้นกว่า
6.พริกเผา เป็นส่วนเสริม การันตี ความนัว ความกลมกล่อมระดับนึงเลย สำหรับมือใหม่ มั่นใจได้
7.กะปิ ใช้กะปิแกง หรือ กะปิทำจากกุ้ง หรือ เคย  แนะนำ ครับ
8.น้ำเปล่ามากหรือ น้อย ได้เลย หรือ จะใส่แค่ขลุกขลิก เข้มข้นก็ไม่ว่ากัน
9.กุ้งแห้ง ถ้าจะให้ดี ให้ทำเอง (ตามวิธีที่เคยนำเสนอไป วิธีทำกุ้งแห้ง ) ครับ ถ้าทำขาย ลองนึกดู ว่า ถ้ามีกุ้งแก้ง ตัวโตๆมาลอยหน้า ลอยตาท้าทายเราอยู่ ในกระปุก ถ้าเป็นเรา วิ่งเข้าใส่เลย ท้าทายดีนัก
เมนูนี้ สำหรับหลายๆ ไคลแมกซ์ หรือ จุดเด่น ของเรื่อง อยู่ที่กุ้งแห้ง  เคียวหนึบ ได้ชอบใจจริงๆ อาจจะใช้กุ้ง ใหญ่สุด (ใหญ่แค่ไหน ทำเอง ตามใจ ) และ ขนาดกลาง ผสม กัน เล็กสุด เอาไปตำ หรือ ปัน ครับ




วิธีทำ กุ้งแห้ง แบบ อินดี้ ทำเองได้ ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

เทคนิค วิธีทำ  กุ้งแห้ง ไว้กินเอง ก็กุ้งแห้ง มันแพงจังเลย ทำเองดีกว่าไหม ง่ายทีสุดเท่าที่เคยมีมา  และ รวดเร็ว ขนาดนี้ ดีกว่า อร่อยกว่าด้วย
กุ้งแห้ง โฮมเมด ครับ

สูตรเด็ด เคล็ดลับ ตอน กุ้งแห้ง พอดีไปตลาดบางกะปิ  เมนูนึงที่อยากทำ คือ มะม่วงกะปิน้ำปลาหวาน ใส่กุ้งแห้งเยอะๆตัวโตๆ เดินจะไปซื้อกุ้งแห้ง ไม่ได้ทำมานาน อุต้ะ   ต้อง ตกใจ ขีด ละ 85 บาท โลละ 850 บาท และ ตัวก็ไม่ใช่ใหญ่ (พอๆกะเม็ดถั่วลิสง) เข้าใจได้ แระ เดี๋ยวนี้ กุ้งแพงมากๆ แต่ก็ทำใจไม่ได้ แต่อย่ากระนั้น เลยนึกถึง วิธีทำ ที่เคยไปดู ชาวบ้าน ทำ กุ้ง เคย และ กะปิ แถวๆพังงา ระนอง บ่อยๆ  (ไม่ได้ไปดูงาน ที่ไหนหรอก ขับรถไปเรื่อยเปื่อย) ไหนๆ แระ ก็มาทำเองดีกว่า  มาดูกันเลย


เตรียมเครื่องวัตถุดิบ

1.กุ้งแห้ง 500 กรัม (ตัวขนาด 1นิ้ว เศษ ถึง 1 นิ้วครึ่ง กะลังดี)
2.เกลือ 2-3 ช้อนโตะ



วิธีทำ
1.เอากุ้งล้างให้สะอาด แช่น้ำไว้ขลุกลิก ตักเกลือ ใส่ คลุก ทิ้งไว้ สัก 20 นาที รินน้ำออก
2.นึ่งในซึ้ง ให้สุกก่อน ประมาน 10 นาที แล้วเอาเข้าเตาอบ อุณหภูมิ ประมาณ 200 องศา ตั้งเวลา  ประมาณ 15 นาที ครั้งแรก พลิกกุ้ง อีกด้าน อบต่อไปอีก ประมาณ 15 นาที
3.เอากุ้ง ออกมาใส่ผ้าขาวห่อ แล้ว ใช้ ไม้ หรือ เหล็ก ที่ใกล้มือ กลิ้งไปมา บนผ้า ไม่ต้องแรงมาก เดียวกุ้งจะช้ำ เพื่อ กระเทาะ เปลือกกุ้ง ประมาน 5-10 นาที จนแน่ว่าเปลือก กระทะออกหมด แกะเปลือกกุ้งออก


เสร็จแระ  ง่ายจริงๆ บอกแล้ว และ ไวเหมือนโกหก

มีเวลาก็ทำเองเถอะ ได้ของดี ราคาอาจจะใกล้เคียงกัน แต่ คุณภาพดีกว่าเยอะเลย

ได้กุ้งอร่อย  ไม่เค็มมาก ตัวใหญ่ สะใจ ใส่ใน มะม่วงนำปลาหวาน เคี้ยวได้เต็มคำสะใจดี


ข้อสังเกตุ
1.กุ้งในตลาดที่เค็มมากเพราะใส่เกลือเยอะ เพราะต้องการให้เก็บได้นาน และ เพิ่ม น้ำหนัก ด้วย เวลาจะใช้ ต้องชิมก่อน และ ต้องล้างเกลือด้วย
2.ระวังอย่าใช้ไฟแรงมาก จะไหม้ แรกๆต้องหมั่นคอยดู
ปรับไฟ และ เวลา ดู ตามขนาด และ ปริมาณ ของกุ้งที่ใช้
3.ดั้งเดิม เค้าตากแดด 1-2 แดด เราพวก เด็กแนว อ่ะ ใจร้อน เลยขอลัดคิว คงไม่ว่ากันนะ
4.เตาอบ รูปร่างประหลาด ท่านที่เพิ่งเข้ามาดู อย่าได้แปลกใจ หาซื้อที่ไหนก็ไม่ได้หรอก อิๆ ไทยทำไทยใช้ .รุ่นนี้คุ้ม

วิธีทำ สูตรเด็ด แกงส้มใต้ (แกงเหลือง)หมูสามชั้นหน่อไม้ดอง อร่อยเด็ด และ ไม่ยาก

วิธีทำแกงส้มใต้(แกงเหลือง)หมูสามชั้นหน่อไม้ดอง อร่อยเด็ด ง่ายกว่าที่คิด รู้งี้ทำเอง นานแระ

 แกงส้มใต้ ที่คนกรุงเทพ เรียกแกงเหลือง (เพื่อให้เข้าใจง่าย) แต่ถ้าไปสั่ง แกงเหลืองทางใต้ อาจไม่ได้กินนะครับ แถมยังจะถูกค้อนเอาอีก (ตรูรู้ว่าจะสั่งอะไร แต่ตรูแกล้งไม่เข้าใจ) มีงอนเล็กน้อย คนใต้ก็เรียก แกงส้ม นะแระ ครับ แต่ทีมันสีเหลือง เพราะ เค้าใส่ขมิ้น เพิ่มเค้ามา นะเอง แกงส้มใต้ รสชาติ เผ็ดเปรี้ยว แหลม ซี้ดซ้าด ถึงใจกว่า แกงส้มภาคกลาง นะครับ
 วันนี้ จะ ใช้ หมูสามชั้น เป็นพระเอกของเรื่องนะ ครับ เป็นอีก เมนูนึง ที่นิยมกันพอสมควร แถว ภูเก็ต พังงา กระยี่ สุราษฎร์ นอกจาก แกงส้มปลาทะเล ทั้งหลายแหล่ แกงส้มหมูสามชั้น  เป็นอีกเมนูที่ก็ตามมา คงเนื่องมาจากเบื่อปลากันบ้างแระ และ แถวนี้มีคนไทย เชื้อสายจีน กันเยอะพอสมควร ซึ่ง รับประมานหมูเป็นหลักยุแระ มาดูกันว่าทำยังไง


 เครื่องปรุง
 1.หมูสามชั้น 3-5 ขีด หั่น บางๆ
2.พริกแกงส้ม 2-3 ช้อนโต้ะ
3.หน่อไม้ดอง
4.มะนาว 2-3 ลูก
5.น้ำปลา ช้อนโต้ะ
6.น้ำตาล ช้อนโต้ะ

 พริกแกง 
1.พริกแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
2.พริกสด เหลืองแดง ก็ได้ 4-5 เม็ด
3.กระเทียม 1 ช้อนต้ะ
4.ขมิ้น 1-2 แง่ง เล็ก
5.เกลือ 1 ช้อนชา
6 กะปิแกง 1 ช้อนโต้ะ

1.ตำเครื่องพริกแกงให้ละเอียด 1-5 แล้วจึง ใส่กะปิทีหลัง ตำเข้าไป
2.ใส่น้ำเปล่า ในหม้อ 1 ถ้วย เติม พริกแกงสัก 2 ช้อนโต้ะ ใช้ไฟอ่อน รอจนพริกแกง หอม
3.เติมน้ำเปล่า อีกประมาน 1 ถ้วยครึ่ง เร่งไฟแรง จนเดือด จึงใส่หมู สัก 4-5 นาที แล้วค่อยลดไฟกลาง ใส่หน่อไม้ดอง แล้ว เติมน้ำปลา น้ำตาล ชิมรส ก่อน สัก 3-4 นาที ค่อยตักเอาขึ้นใส่ถ้วย จึง ปรุงด้วย น้ำมะนาวทีหลังสุด 

เสร็จแระ ง่ายไหมละ

 ข้อสังเกตุเพิ่มเติม 
-แกงส้มใต้ แท้ๆ ไม่ใส่มะขามเปียกนะครับ (บางที่ ใช้ ส้มแขก เป็นตัวหลัก บวกมะนาว) แต่ถ้าเรา จะใส่บ้างก็ได้นะครับ (มะนาวบางช่วงมันแพงมาก) 
-แกงส้มใต้ แม้เป็นเมนูปลาก็จะไม่ใช้ เนื้อปลาต้มมาตำกะพริกแกงครับ เน้นรสชาติ เปรี้ยว เผ็ด โดนๆ 
-พริกแกง ใช้พริกแห้ง เสริมด้วยพริกสด จะทำให้กลิ่นหอมขึ้นครับ
-หน่อไม้ดอง ล้างแล้วต้องชิมดูนะครับ ว่าเปรี้ยวมากน้อยแค่ไหน จะได้ใส่มะนาวมากน้อยได้
-พริกแกง บางที่ อาจใส่ หอมแดง ทำให้รสหวาน นวล ขึ้น จากหอมแดง แต่ต้นตำหรับไม่ใส่ครับ



วิธีทำ ไส้กรอกอีสาน ดั้งเดิม ง่ายๆ แต่ อร่อยเด็ด รับรอง

เทคนิค วิธีทำไส้กรอกอีสาน ต้นตำรับ ทำกินก็ง่าย ทำขาย ก็รวย มาดูกัน


สกล ไม่ได้มีแต่เนื้อหมา อันโด่งดังนะครับ มาลองดู ไส้กรอก อีสานสูตร สกลนครของแท้ อร่อยเด็ดทำกินก็อร่อย น่าทึ่ง ทำขายก็รวยได้ ไส้กรอก หมูยอ เป็น วัฒนธรรม การกินได้รับอิทธิพลมาจากพี่น้องชาวญวนที่อพพยพ เข้ามาอาศัย แถบ จังหวัด ริมแม่น้ำโขงเช่น อุดร หนองคาย มุกดาหาร นครพนม อุบล รวมถึง  สกลนคร (ท่าแร่ แหล่งกินหมาเลื่องชื่อก็เป็นวัฒนธรรม ญวน ครับ แฮ่!)
เมื่อก่อนมาเรียนราม  กลับบ้านทีไร ต้องห่อ ไส้กรอกอีสานร้านดังของจังหวัดเข้ามากินด้วยประจำแทบจะขาดไม่ได้ทุกครั้ง ดั้งเดิมคนที่บ้านผมเค้าไม่ได้กินไส้กรอกเปรี้ยว เป็นหลักนะครับ เค้าจะกิน แบบเช้าทำ บ่ายขายกินเย็นๆ เอาไปทอด กินกะข้าวหนียว หอม หวานมัน สุดยอด แต่ช่วง20ปี หลัง นี่แหละ ที่เห็นไส้กรอกอีสานขายกันดาดดื่นทุกซอกทุกมุมประเทศ คงเพราะคนอีสานเข้ามาขายแรงงานใน  กทม.เป็นจำนวนมาก จึงได้นำ ไส้กรอก เข้ามากินด้วย แถม มาแบ่งให้เพื่อนฝูงญาติมิตรชาวกทม.และภาคอื่นๆให้กินด้วย ชาวกทม. พอได้กิน ลิ้มรส ความอร่อย จึงรสผัสความอร่อย ติดใจรสเปรี้ยวของไส้กรอกอีสาน (เพราะ กว่า จะถึงกรุงเทพไส้กรอกก็เปรี้ยวพอดี) คนกรุงเทพจึงรู้จักรสเปรี้ยวแซ่บของไส้กรอกอีสานเป็นหลัก ด้วยเหตุฉะนี้แล แถม เอา เครื่องเคียง ขิง ขิงดอง แตงกวา กะหล่ำ ผักชี เค้ามาเสริม ตามใจตัวเอง (คาดว่า น่าจะเป็นพวกชอบกินแกล้มเบียร์ เป็นคนต้นคิด 555 )
 อันนี้ เป็นสูตรดั้งเดิม ที่แอบเอาเคล็ดวิชา มาจากแม่ค้าหลายๆร้านครับ ...เอา ร่ายมาซะยาว มาดูกันเลย

เครื่องปรุง
 1 หมูสับ ส่วนสะโพก 500 กรัม (5ขีด)
 2 มันแข็งแข็ง 100 กรัม
3  ข้าวเหนียวสุก 100 กัรม
4  เกลือ 2 ช้อนโต้ะ
5  พริกไทย 3 ช้อนโต้ะ
6  กระเทียม 3 ช้อนโต้ะ
7  ตะไคร้ 3 ต้น










วิธีทำ

1.เอาหมูสับ และ มันแข็งหั่นเป็นชิ้นเล็กเล็ก ข้าวเหนียวสุก เกลือ วางในชาม
2.ตำ  กระเทียม พริกไทย ตะไคร้ ให้ ละเอียด ใส่ชาม ตามไป
3.คลุก ขยำ ส่วนผสมทั้งหมด ให้เข้ากัน พักไว้


วัสดุทำไส้
1ไส้ขมหมู
2 ขวดน้ำอัดลมเล็ก
3.ด้าย










1.นำไส้ขม หมู มาทำความใส่อาด ตัด ไขมันตัดเอาไขมันด้านข้าง ที่ติดมาให้หมด ล้างไส้ โดยใช้ต่อเข้าท่อประปานี่แหละะ รีดเอาไขมันออก ใช้ตะเกียบทะลวงช่วย  หลายๆรอบ จนแน่ใจ เอาไปแช่น้ำ ใส่แป้งมันสัก 1 ช้อนโต้ะ เพื่อ ดักจับ ไขมัน ล้างอีกรอบแล้วแช่เกลือ 1-2 ช้อนโต้ะ ล้างอีกที จนแน่ใจ ว่าหมดกลิ่นคาว










2. ตัดขวดน้ำอัดลม ใช้แทนกรวย ดังรูป ในกรณีไม่มีกรวย เอาไส้ มาครอบ ปาก รัดด้วยเชื่อก แล้วกรอก ส่วนผสม เข้าไปให้หมด ใช้ ตะเกียบ หรือ ช้อนดันเข้าไปจะง่ายขึ้น แล้วรัดด้วยเชือก เป็นปล้องๆ ตามต้องการ



เสร็จแระ ง่ายไหม ผึ่งลม ทิ้งไว้หนึ่งคืน ก็เริ่มจะเปรี้ยว  ถ้าชอบแบบ ไม่ เปรี้ยว สัก 2-3 ชม ก็เอาไป ทอด อบ ย่าง ได้แระ  แบบเปรี้ยว กินกะ กะหล่ำ พริกสด แตงกวา ขิงสด ผักชี แซ่บ..หลาย




สูตรนี้เป็นสูตรดั้งเดิมครับ จริงๆแล้ว มีแค่ หมู+กระเทียม +เกลือ+ข้าวสุก ก็เป็นไส้กรอกอีสาน แบบดั้งเดิมแล้วละครับ(กระเทียม+ข้าวสุก จะทำให้เร่งปฎิกริยาเปรี้ยว ส่วนเกลือจะทำให้ไม่เสียบูดไวเกินไป) ส่วนใคร จะเติม สมุนไพร แบบไหน เพิ่ม เช่น ใบมะกรูด ขิง ข่า ใบกระเพรา หรือ อื่นๆ
ได้หมด เลย  หรือ จะใช้วุ้นเส้น เพิ่มเข้าไปก็ได้ จะแต่งรส ด้วยซ้อสปรุงรส  หรือ น้ำมันหอย รสดี น้ำตาล  บ้างก็ได้ ตามใจชอบ แต่ก่อนจะดัดแปลงควรลองทำแบบพื้นฐานกันก่อนนะครับ

ข้อสังเกตุเพิ่มเติม
1.เนือหมู อาจใช้ สันคอ หรือ เนื้อแดงส่วนอื่นๆ ตามชอบ ควรติดมันบ้างได้รสชาติ
2.มันแข็ง จะใส่หรือไม่ก็ได้ แต่ใส่แล้วก็ให้รสสัมผัสดี ถ้ากลัวอ้วนก็ไม่ต้องก็ได้
3 ข้าวเหนียว หรือ ข้าวสวย ก็ได้ แต่เนื้อสัมผัสจะแตกต่างกัน ข้าวสวยจะร่วนกว่า ข้าวเหนียวจะแน่น ดั้งเดิมแน่นอน ต้องเป็นข้าวเหนียว อย่าใส่มากเกินนะครับ(ซักไม่เกิน20%ของส่วนผสมทั้งหมด) มากไปจะกลายเป็นไส้กรอกข้าว รสชาติ เนื้อสัมผัส คนละอย่างเลย เสียราคาครับ

ปล.ถ้าจะทำขาย แนะนำ ไส้กรอกแบบมือหมุน ราคา หลักร้อย ไม่เกินพันก็มี บดด้วย มีกรวยเล็ก ๆหลายขนาด สำหรับกรอกเฉพาะ ให้พร้อม มีอุปกรณ์  ลองถามร้าน ขายเครื่องครัว ถ้าเป็นที่ กท.ก็ย่านเวิ้งนครเกษมมีแน่นอน






หรือจะเป็น เครื่องกรอกไส้กรอก อีกแบบ กรอกอย่างเดียว ราคา  6500 -8000 หลายยี่ห้อ หลายขนาด
ประมานนี้ครับ