วิธีทำ สูตรเด็ด แกงส้มใต้ (แกงเหลือง)หมูสามชั้นหน่อไม้ดอง อร่อยเด็ด และ ไม่ยาก

วิธีทำแกงส้มใต้(แกงเหลือง)หมูสามชั้นหน่อไม้ดอง อร่อยเด็ด ง่ายกว่าที่คิด รู้งี้ทำเอง นานแระ

 แกงส้มใต้ ที่คนกรุงเทพ เรียกแกงเหลือง (เพื่อให้เข้าใจง่าย) แต่ถ้าไปสั่ง แกงเหลืองทางใต้ อาจไม่ได้กินนะครับ แถมยังจะถูกค้อนเอาอีก (ตรูรู้ว่าจะสั่งอะไร แต่ตรูแกล้งไม่เข้าใจ) มีงอนเล็กน้อย คนใต้ก็เรียก แกงส้ม นะแระ ครับ แต่ทีมันสีเหลือง เพราะ เค้าใส่ขมิ้น เพิ่มเค้ามา นะเอง แกงส้มใต้ รสชาติ เผ็ดเปรี้ยว แหลม ซี้ดซ้าด ถึงใจกว่า แกงส้มภาคกลาง นะครับ
 วันนี้ จะ ใช้ หมูสามชั้น เป็นพระเอกของเรื่องนะ ครับ เป็นอีก เมนูนึง ที่นิยมกันพอสมควร แถว ภูเก็ต พังงา กระยี่ สุราษฎร์ นอกจาก แกงส้มปลาทะเล ทั้งหลายแหล่ แกงส้มหมูสามชั้น  เป็นอีกเมนูที่ก็ตามมา คงเนื่องมาจากเบื่อปลากันบ้างแระ และ แถวนี้มีคนไทย เชื้อสายจีน กันเยอะพอสมควร ซึ่ง รับประมานหมูเป็นหลักยุแระ มาดูกันว่าทำยังไง


 เครื่องปรุง
 1.หมูสามชั้น 3-5 ขีด หั่น บางๆ
2.พริกแกงส้ม 2-3 ช้อนโต้ะ
3.หน่อไม้ดอง
4.มะนาว 2-3 ลูก
5.น้ำปลา ช้อนโต้ะ
6.น้ำตาล ช้อนโต้ะ

 พริกแกง 
1.พริกแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
2.พริกสด เหลืองแดง ก็ได้ 4-5 เม็ด
3.กระเทียม 1 ช้อนต้ะ
4.ขมิ้น 1-2 แง่ง เล็ก
5.เกลือ 1 ช้อนชา
6 กะปิแกง 1 ช้อนโต้ะ

1.ตำเครื่องพริกแกงให้ละเอียด 1-5 แล้วจึง ใส่กะปิทีหลัง ตำเข้าไป
2.ใส่น้ำเปล่า ในหม้อ 1 ถ้วย เติม พริกแกงสัก 2 ช้อนโต้ะ ใช้ไฟอ่อน รอจนพริกแกง หอม
3.เติมน้ำเปล่า อีกประมาน 1 ถ้วยครึ่ง เร่งไฟแรง จนเดือด จึงใส่หมู สัก 4-5 นาที แล้วค่อยลดไฟกลาง ใส่หน่อไม้ดอง แล้ว เติมน้ำปลา น้ำตาล ชิมรส ก่อน สัก 3-4 นาที ค่อยตักเอาขึ้นใส่ถ้วย จึง ปรุงด้วย น้ำมะนาวทีหลังสุด 

เสร็จแระ ง่ายไหมละ

 ข้อสังเกตุเพิ่มเติม 
-แกงส้มใต้ แท้ๆ ไม่ใส่มะขามเปียกนะครับ (บางที่ ใช้ ส้มแขก เป็นตัวหลัก บวกมะนาว) แต่ถ้าเรา จะใส่บ้างก็ได้นะครับ (มะนาวบางช่วงมันแพงมาก) 
-แกงส้มใต้ แม้เป็นเมนูปลาก็จะไม่ใช้ เนื้อปลาต้มมาตำกะพริกแกงครับ เน้นรสชาติ เปรี้ยว เผ็ด โดนๆ 
-พริกแกง ใช้พริกแห้ง เสริมด้วยพริกสด จะทำให้กลิ่นหอมขึ้นครับ
-หน่อไม้ดอง ล้างแล้วต้องชิมดูนะครับ ว่าเปรี้ยวมากน้อยแค่ไหน จะได้ใส่มะนาวมากน้อยได้
-พริกแกง บางที่ อาจใส่ หอมแดง ทำให้รสหวาน นวล ขึ้น จากหอมแดง แต่ต้นตำหรับไม่ใส่ครับ



วิธีทำ ไส้กรอกอีสาน ดั้งเดิม ง่ายๆ แต่ อร่อยเด็ด รับรอง

เทคนิค วิธีทำไส้กรอกอีสาน ต้นตำรับ ทำกินก็ง่าย ทำขาย ก็รวย มาดูกัน


สกล ไม่ได้มีแต่เนื้อหมา อันโด่งดังนะครับ มาลองดู ไส้กรอก อีสานสูตร สกลนครของแท้ อร่อยเด็ดทำกินก็อร่อย น่าทึ่ง ทำขายก็รวยได้ ไส้กรอก หมูยอ เป็น วัฒนธรรม การกินได้รับอิทธิพลมาจากพี่น้องชาวญวนที่อพพยพ เข้ามาอาศัย แถบ จังหวัด ริมแม่น้ำโขงเช่น อุดร หนองคาย มุกดาหาร นครพนม อุบล รวมถึง  สกลนคร (ท่าแร่ แหล่งกินหมาเลื่องชื่อก็เป็นวัฒนธรรม ญวน ครับ แฮ่!)
เมื่อก่อนมาเรียนราม  กลับบ้านทีไร ต้องห่อ ไส้กรอกอีสานร้านดังของจังหวัดเข้ามากินด้วยประจำแทบจะขาดไม่ได้ทุกครั้ง ดั้งเดิมคนที่บ้านผมเค้าไม่ได้กินไส้กรอกเปรี้ยว เป็นหลักนะครับ เค้าจะกิน แบบเช้าทำ บ่ายขายกินเย็นๆ เอาไปทอด กินกะข้าวหนียว หอม หวานมัน สุดยอด แต่ช่วง20ปี หลัง นี่แหละ ที่เห็นไส้กรอกอีสานขายกันดาดดื่นทุกซอกทุกมุมประเทศ คงเพราะคนอีสานเข้ามาขายแรงงานใน  กทม.เป็นจำนวนมาก จึงได้นำ ไส้กรอก เข้ามากินด้วย แถม มาแบ่งให้เพื่อนฝูงญาติมิตรชาวกทม.และภาคอื่นๆให้กินด้วย ชาวกทม. พอได้กิน ลิ้มรส ความอร่อย จึงรสผัสความอร่อย ติดใจรสเปรี้ยวของไส้กรอกอีสาน (เพราะ กว่า จะถึงกรุงเทพไส้กรอกก็เปรี้ยวพอดี) คนกรุงเทพจึงรู้จักรสเปรี้ยวแซ่บของไส้กรอกอีสานเป็นหลัก ด้วยเหตุฉะนี้แล แถม เอา เครื่องเคียง ขิง ขิงดอง แตงกวา กะหล่ำ ผักชี เค้ามาเสริม ตามใจตัวเอง (คาดว่า น่าจะเป็นพวกชอบกินแกล้มเบียร์ เป็นคนต้นคิด 555 )
 อันนี้ เป็นสูตรดั้งเดิม ที่แอบเอาเคล็ดวิชา มาจากแม่ค้าหลายๆร้านครับ ...เอา ร่ายมาซะยาว มาดูกันเลย

เครื่องปรุง
 1 หมูสับ ส่วนสะโพก 500 กรัม (5ขีด)
 2 มันแข็งแข็ง 100 กรัม
3  ข้าวเหนียวสุก 100 กัรม
4  เกลือ 2 ช้อนโต้ะ
5  พริกไทย 3 ช้อนโต้ะ
6  กระเทียม 3 ช้อนโต้ะ
7  ตะไคร้ 3 ต้น










วิธีทำ

1.เอาหมูสับ และ มันแข็งหั่นเป็นชิ้นเล็กเล็ก ข้าวเหนียวสุก เกลือ วางในชาม
2.ตำ  กระเทียม พริกไทย ตะไคร้ ให้ ละเอียด ใส่ชาม ตามไป
3.คลุก ขยำ ส่วนผสมทั้งหมด ให้เข้ากัน พักไว้


วัสดุทำไส้
1ไส้ขมหมู
2 ขวดน้ำอัดลมเล็ก
3.ด้าย










1.นำไส้ขม หมู มาทำความใส่อาด ตัด ไขมันตัดเอาไขมันด้านข้าง ที่ติดมาให้หมด ล้างไส้ โดยใช้ต่อเข้าท่อประปานี่แหละะ รีดเอาไขมันออก ใช้ตะเกียบทะลวงช่วย  หลายๆรอบ จนแน่ใจ เอาไปแช่น้ำ ใส่แป้งมันสัก 1 ช้อนโต้ะ เพื่อ ดักจับ ไขมัน ล้างอีกรอบแล้วแช่เกลือ 1-2 ช้อนโต้ะ ล้างอีกที จนแน่ใจ ว่าหมดกลิ่นคาว










2. ตัดขวดน้ำอัดลม ใช้แทนกรวย ดังรูป ในกรณีไม่มีกรวย เอาไส้ มาครอบ ปาก รัดด้วยเชื่อก แล้วกรอก ส่วนผสม เข้าไปให้หมด ใช้ ตะเกียบ หรือ ช้อนดันเข้าไปจะง่ายขึ้น แล้วรัดด้วยเชือก เป็นปล้องๆ ตามต้องการ



เสร็จแระ ง่ายไหม ผึ่งลม ทิ้งไว้หนึ่งคืน ก็เริ่มจะเปรี้ยว  ถ้าชอบแบบ ไม่ เปรี้ยว สัก 2-3 ชม ก็เอาไป ทอด อบ ย่าง ได้แระ  แบบเปรี้ยว กินกะ กะหล่ำ พริกสด แตงกวา ขิงสด ผักชี แซ่บ..หลาย




สูตรนี้เป็นสูตรดั้งเดิมครับ จริงๆแล้ว มีแค่ หมู+กระเทียม +เกลือ+ข้าวสุก ก็เป็นไส้กรอกอีสาน แบบดั้งเดิมแล้วละครับ(กระเทียม+ข้าวสุก จะทำให้เร่งปฎิกริยาเปรี้ยว ส่วนเกลือจะทำให้ไม่เสียบูดไวเกินไป) ส่วนใคร จะเติม สมุนไพร แบบไหน เพิ่ม เช่น ใบมะกรูด ขิง ข่า ใบกระเพรา หรือ อื่นๆ
ได้หมด เลย  หรือ จะใช้วุ้นเส้น เพิ่มเข้าไปก็ได้ จะแต่งรส ด้วยซ้อสปรุงรส  หรือ น้ำมันหอย รสดี น้ำตาล  บ้างก็ได้ ตามใจชอบ แต่ก่อนจะดัดแปลงควรลองทำแบบพื้นฐานกันก่อนนะครับ

ข้อสังเกตุเพิ่มเติม
1.เนือหมู อาจใช้ สันคอ หรือ เนื้อแดงส่วนอื่นๆ ตามชอบ ควรติดมันบ้างได้รสชาติ
2.มันแข็ง จะใส่หรือไม่ก็ได้ แต่ใส่แล้วก็ให้รสสัมผัสดี ถ้ากลัวอ้วนก็ไม่ต้องก็ได้
3 ข้าวเหนียว หรือ ข้าวสวย ก็ได้ แต่เนื้อสัมผัสจะแตกต่างกัน ข้าวสวยจะร่วนกว่า ข้าวเหนียวจะแน่น ดั้งเดิมแน่นอน ต้องเป็นข้าวเหนียว อย่าใส่มากเกินนะครับ(ซักไม่เกิน20%ของส่วนผสมทั้งหมด) มากไปจะกลายเป็นไส้กรอกข้าว รสชาติ เนื้อสัมผัส คนละอย่างเลย เสียราคาครับ

ปล.ถ้าจะทำขาย แนะนำ ไส้กรอกแบบมือหมุน ราคา หลักร้อย ไม่เกินพันก็มี บดด้วย มีกรวยเล็ก ๆหลายขนาด สำหรับกรอกเฉพาะ ให้พร้อม มีอุปกรณ์  ลองถามร้าน ขายเครื่องครัว ถ้าเป็นที่ กท.ก็ย่านเวิ้งนครเกษมมีแน่นอน






หรือจะเป็น เครื่องกรอกไส้กรอก อีกแบบ กรอกอย่างเดียว ราคา  6500 -8000 หลายยี่ห้อ หลายขนาด
ประมานนี้ครับ

วิธีทำ คลั่วกลิ้งหมู อย่างง่ายๆ คุณก็ทำได้ ไม่ใช่คนใต้ ก็ทำอร่อย ง่ายกว่าที่คุณคิด

วิธีทำ คั่วกลิ้งหมู อย่างๆ ง่าย สำหรับ คน กรุงเทพ หรือ ตจว. ที่หาเครื่องแกงใต้ ไม่สะดวก 


 มาอีกแระ ครับ อร่อยเด็ด เคล็ดลับ แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ แต่ ง่ายๆ สไตล์ อร่อยเด็ด นำเสนอ เทคนิค พิเศษ สำหรับ คนอยากทำ แกงใต้ ที่ไม่ใช่ คนใต้ (แน่นอน ครับ ชาวใต้ เค้ามีเครื่องแกง ใต้ ติดบ้านยุแระ หรือ ตำเองได้ สบาย ไม่ต้องห่วงเค้า) แนะนำ เมนู คั่วกลิ้งหมู หรือ ท่านใด ชอบ เนื้อ,ไก่ หรือ อย่างอื่น ตามใจชอบได้เลย ครับ


ปล.สูตรนี้ของเราเอง หาที่ไหนก็ไม่เจอ เอาไปใช้ก็อ้างอิงด้วยเน้อ ขอบพระคุณอย่างสูงล่วงหน้า


  เครื่องปรุง


1.พริกแกงแดง 2 ช้อนโต้ะ
2.หมูสับ 3 ขีด
3.ขมิ้นชัน 1 แง่ง เล็ก
4.พริกไทยดำ(หรือ ขาว) 12 เม็ด
5.กะปิดี 1 ช้อนโต้ะ
6.น้ำตาล 1 ช้อนชา
7.น้ำปลา เล็กน้อย
8.ใบมะกรูด
9.พริกชี้ฟ้าแดง เหลือง เขียว





วิธีทำ

 1.นำ พริกแกงแดง ขมิ้นชัน พริกไทย กะปิ โขลกรวมกัน ให้ละเอียด อันนี้เป็น ตัวหลักของเรื่องเลย ครับ (พริกแกงแดง+ขมิ้นชัน+พริกไทย) พริกแกงเผ็ดแปลงร่าง ให้เป็น น้ำพริกคั่วกลิ้ง ส่วนกะปิ เติมเข้ามาอีกนิด เพราะ พริกแกงแดง จะใส่กะปิน้อยกว่า เครื่องแกงใต้ รสไม่เข้มข้นถึงใจ (ตัวหลัก อีกตัวในแกงเผ็ดใต้ คือ พริกไทย ถ้าใจถึง ก็ใส่เยอะๆ สู้กับพริกแกงนครให้ได้ ใครเคยกิน แกงใต้แบบนครแท้ๆ แล้วจะรู้สึกถึงความแตกต่าง เผ็ดพริกในส้มตำบางเจ้า ว่าหนักแล้ว มาเจอพริกไทยในแกงใต้แบบคนคอน แลัวละก็ เผ็ดลึกอีกนาน...เลยล่ะครับ)
 2.เอาพริกแกง ลงกระทะ ใส่น้ำเปล่า เล็กน้อย (ถ้าแกงคั่ว ดั้งเดิม จะไม่ผัดใส่น้ำมัน แต่ถ้าท่านใดจะผัดด้วยน้ำมัน เล็กน้อยเพื่อให้หอมก็ได้ แต่อย่าเยอะจนเยิ้ม จะไม่ได้ฟีว) ใช้ไฟอ่อน ผัดไปเรื่อยๆจนหอม กลิ่น พริกแกง แล้วจึงใส่ หมูสับ ลงผัด ใช้ไฟกลาง สักพัก จึงปรุงรส แค่ น้ำปลา น้ำตาล ชิมรสตามชอบ ใกล้สุก จึงโรยด้วย ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า เสร็จจึงแต่งหน้า ด้วยพริกชี้ฟ้า ใบมะกรูดอีกที

 คั่วกลิ้ง หมายถึง อาการคั่วให้กลิ้ง ให้แห้ง จนกลิ้งไปกลิ้งมาได้ บนกระทะนะแหล่ะ คั่วกลิ้ง กินไม่หมดใส่ตู้เย็นไว้ เอามากลิ้งใหม่ เอ้ย คั่วอุ่นใหม่ จะอร่อยขึ้นเรื่อยๆครับ 

ง่ายๆ แค่นี้เองครับ สำหรับท่านที่หาเครื่องแกงคั่วกลิ้ง หรือเครื่องแกงใต้ ไม่สะดวก ลองทำดู คนใกล้เคียงจะประหลาดใจ คุณทำได้ เชื่อสิ

 ถูกใจฝากช่วยแชร์หน่อยนะครับ เป็นกำลังใจกัน

วิธีทำ น้ำพริกกุ้งสดภูเก็ต เคล็ดลับ น้ำพริกหยำ น้ำชุบหยำ น้ำพริกขยำ น้ำพริกกุ้งสด หรือ น้ำพริกโจร (น้ำพริกนอกครก)

น้ำพริกกุ้งสดภูเก็ต  น้ำพริกหยำ น้ำชุบหยำ น้ำพริกขยำ  หรือ น้ำพริกโจร (น้ำพริกนอกครก) และแต่จะเรียก
น้ำชุบหยำ
น้ำชุปหยำ



เป็นน้ำพริกของคนใต้ โดยเฉพาะ ย่านพังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ เป็นน้ำพริกประจำบ้าน เหมือนน้ำพริกกะปิ
 แถวภาคกลางนะแระ กินกะข้าว และปลาทอด อร่อยสุดยอด หรือ จะกินกะขนมจีน กะ ผักเหนาะ ผักเกร็ด (ผักเคียง)ก็อร่อยได้ใจ บอกเลยว่า เหมือนจะทำง่ายๆ ครับ แต่ทำให้อร่อยไม่ง่ายเลย ไม่รู้เป็นไร ไปกินตามร้านข้าวแกงทั่วไป เกือบจะทุกร้าน ไม่เคยอร่อยถึงใจ หงุดหงิด แอบบ่นในใจ (ไรฟะ ทำทุกวันยังไม่อร่อย) เหมือนแม่ยายเราทำ (ขำๆ แต่ที่อร่อยกลับไปเจอในงานศพที่วัด แฮะ เป็นส่วนใหญ่) อย่ากระนั้นเลย ในฐานะเขยภูเก็ต  ชอบรับประทานมาก แม่ยายทำอร่อย ทำที่ไร กินที่ไร เปลืองข้าวผิดปกติทุกที
กลายเป็นเมนูอันตราย (ต่อน้ำหนัก) หลังๆ เลยขอสูตร ฝึกทำอยู่นาน กว่จะได้ ปรับปรุงให้ อร่อยสมใจใกล้เคียง  หรือ อร่อยกว่าก็ไม่รู้ แฮะๆ  (ไม่ต้องรอแม่ยายทำให้กิน  หรือ ไม่ต้องรอกินในงานศพใคร ฮ่าๆ) ว่างๆ มาแชร์สูตรกันเลย ทำตาม อร่อยแน่ๆ

ปล.สูตรนี้ของเราเอง หาที่ไหนก็ไม่เจอ เอาไปใช้ก็อ้างอิงด้วยเน้อ ขอบพระคุณอย่างสูงล่วงหน้า

เครื่องปรุง (กะๆเอา ,ปรับเปลียนตามใจ)
เครื่องปรุง
1.พริกสด เขียว แดง เพื่อความสวยงาม และ รสสัมผัส ใช้พริกขี้หนูสด หรือ พริกจินดาก็ได้ ตามใจเลย สัก 15 เม็ด หั่นเป็นท่อนเล็กๆ เวลากินกรุบๆ ได้อารมณ์ เหมือนโดนลูกปราย(น้องๆลูกโดด)
2.กุ้งสด กุ้งขาว หรือ กุ้งแชบ้วยก็ได้  ขนาด กลางเล็ก สัก 10 ตัว
3.หอมแดง ศรีษะเกษ หอมไทยเล็ก สัก 8 หัว ซอยบางๆ
4.กะปิดี ใช้กะปิน้ำพริก (กะปิน้ำพริก หอมกว่า รสจะนุ่มกว่ากะปิแกง ยังไถามแม่ค้าดูได้) ปกติผมจะใช้กะปิระนอง  1- 1 1/2 -  ช้อนโต้ะ
5.น้ำตาลมะพร้าวแท้ (ขับรถ ขึ้นลงใต้ แถวเพชรบุรี ซื้อไว้เยอะเลย ของแท้ ไม่ผสม ถูกด้วย) ไม่มีก็ใช้ น้ำตาลทราย ทรายแดงก็ได้ แต่น้ำตาลมะพร้าว จะให้รสนุ่มกว่า ไม่หวานแหลม สัก ครึ่งช้อนโต้ะ ให้อมหวานก็พอ
6.มะขามเปียก 1-1 1/2 ช้อนโต้ะ (แช่น้ำร้อนไว้นิดนึง เพื่อให้ง่ายต่อการขยำ ออกรสได้ดีกว่า)
7.มะนาว 1 ลูก
8.เกลือ เล็กน้อย ไว้ปรับรส ถ้ากะปิ พอแล้ว อาจไม่ต้องใช้

วิธีทำ
1.แกะ เปลือกกุ้ง ถอดเอาหัว เอาหัว ไปต้มน้ำทำเป็นน้ำซุปหัวกุ้ง (ทำเป็นน้ำสต็อกกุ้ง พูดให้เท่ เข้าไว้ คนโรงแรมเค้าเรียกยังงั้น) ใช้ น้ำ  1-2 ถ้วยกาแฟ ใส่เกลือ นิดหน่อย  สัก 1 ช้อนชา ต้ม หัวกุ้ง ไฟกลาง ประมานสัก 10 นาที แล้วหั่นกุ้งสด เป็นชิ้นๆสัก 2-4 ชิ้น ต่อตัว ตามชอบ  ไปลวกใส่กระชอน ด้วย เพิ่มความหวานในน้ำซุป สัก 2 นาที ให้เนื้อกุ้งออกสีชมพูก็พอ อย่าให้สุกมากเนื้อจะแข็ง ไม่อร่อย พักไว้
น้ำซุปหัวกุ้ง
2.เอากะปิ ไปเผาในกระทะ ง่ายๆ 2-3 นาที ให้มีกลิ่นหอม
3.เอากะปิ ใส่ในถ้วยใบใหญ่ เตรียมขยำ (ตามชื่อ) บีบมะนาว ใส่เข้าไป นวด ขยำให้เข้าเนื้อ อันนี้เป็นเทคนิคพิเศษ ที่ทำให้น้ำพริกมีกลิ่นและ รสเป็นเอกลักษณ์ เข้าเนื้อไม่เหมือนใคร
4.ใส่พริกซอย หอมแดงซอย  เป็นอันดับ สอง ขยำ ต่อไปให้เข้าเนื้อ สัก สองสามนาที (ความหวานของเมนูนี้ส่วนนึงมาจากหอมแดง)
5.ใส่น้ำและเนื้อมะขามเปียก ขยำ ต่อไปให้เข้าเนื้อ สัก สองสามนาที เช่นกัน
6.ใส่เนื้อกุ้ง ขยำให้ทั่ว
7.ปรุงด้วยน้ำตาลมะพร้าว หรือ น้ำตาลที่มี ขยำต่อให้ทั่ว
8.ใส่น้ำต้มหัวกุ้ง ค่อยๆเติมน้ำซุบ ครับ ขยำต่อ  แล้วชิมรส ค่อยๆเติมรสที่ต้องการ เติมน้ำซุบ ปรับแต่ง ตามใจชอบในขั้นตอนนี้ได้เลย ให้ออกรส เปรี้ยว หวาน เค็ม กลมกล่อม กะลังดี

ทำตามขั้นตอนนี้ อร่อยชัวร์  ได้ความยังไง เม้นท์มาเลย